ศาลทหาร-ศาลยุติธรรมมีความเห็นพ้องกันให้คดีนั่งรถไฟไปราชภักดิ์พิจารณาในศาลทหาร

ศาลทหารและศาลจังหวัดตลิ่งชันมีความเห็นตรงกันให้คดี “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” เมื่อธันวาคมปีที่แล้ว เป็นคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลทหาร เพราะศาลเห็นว่า คสช. เป็นรัฏฐาธิปัตย์ออกประกาศ คำสั่งและกฏหมายได้และพล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.3/2558 ตามมาตรา 44ได้รับความเห็นชอบของ คสช.ไม่ได้ออกด้วยตัวเองถือเป็นคำสั่งของ คสช. หลังพิจารณาศาลนัดถามคำให้การมีนาคม 60

22พ.ย.2559 เวลา10.00น. ศาลทหารมีนัดฟังความเห็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ในคดีของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว และพวกจากการทำกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” เมื่อวันที่ 7ธ.ค.2558 หลังจากเมื่อวันที่ 15มิ.ย.2559จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้มีคำร้องขอให้มีการพิจารณาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิพากษาของศาลใด ซึ่งคดีนี้ทั้ง 2ศาลเห็นตรงกันว่าคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลทหารโดยให้เหตุผลดังนี้

ศาลทหารเห็นว่าหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22พ.ค.2557 คสช. ได้อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.กฎอัยการศึกในการออกประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และได้ออกประกาศฉบับที่ 37/2557 เรื่องความผิดที่อยู่ในการพิจารณาของศาลทหารที่กำหนดให้ความผิดตามประกาศหรือคำสั่ง คสช.อยู่ในการพิจาณาของศาลทหารซึ่งได้รับรองความชอบธรรมตามมาตรา 47 วรรค 1ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ซึ่งคดีนี้อัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/2558 ข้อ 12 คดีนี้จึงอยู่ในการพิจารณาพิพากษาของศาลทหาร

ในส่วนความเห็นของศาลจังหวัดตลิ่งชันสรุปได้ว่าประเด็นที่จำเลยเห็นว่าประกาศ คสช.37/2557 เรื่องความผิดที่ต้องขึ้นศาลทหารและคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 ไม่มีสถานะเป็นกฎหมายจึงไม่สามารถบังคับใช้ได้ ทั้งนี้ศาลจังหวัดตลิ่งชันเห็นว่า เมื่อ คสช. ยึดอำนาจปกครองประเทศได้ย่อมอยู่ในฐานะรัฏฐาธิปัตย์มีอำนาจในการออกกฎหมาย รวมถึงประกาศและคำสั่งใดๆ ประกอบกับมาตรา 47 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ที่บัญญัติให้ประกาศและคำสั่ง หรือคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ประกาศตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 ให้มีผลจนกว่าจะมีการแก้ไขหรือยกเลิก แต่เมื่อขณะฟ้องไม่มีกฎหมายแก้ไขหรือยกเลิกจึงยังมีผลบังคับใช้

ศาลจังหวัดตลิ่งชันยังเห็นอีกว่าในประเด็นที่คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลใดนั้น หัวหน้า คสช.(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้) ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 3/2558 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ที่ได้บัญญัติว่าหัวหน้า คสช.มีอำนาจสั่งการโดยความเห็นชอบของ คสช. เพื่อประโยชน์ต่อการปฏิรูปของประเทศหรือป้องกัน ระงับหรือปราบปรามการบ่อนทำลายความสงบ ความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจหรือราชการแผ่นดินทั้งในและนอกประเทศ เมื่อมีการดำเนินการแล้วให้รายงานต่อ สนช. และนายกรัฐมนตรีทราบ ดังนั้นหัวหน้า คสช.จึงออกคำสั่งโดยได้รับความเห็นชอบจาก คสช. ไม่ได้ออกด้วยตนเอง คำสั่งดังกล่าวย่อถือว่าเป็นคำสั่งของ คสช. คดีนี้จึงอยู่ในการพิจารณาของศาลทหาร

ภายหลังศาลอ่านความเห็นเสร็จสิ้นได้นัดถามคำให้การจำเลยในวันที่  8 มี.ค.2560

ความเห็นของศาลฉบับเต็มดาวโหลดได้ที่นี่ ความเห็นเกี่ยวกับเขตอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล_ส่องโกงราชภักดิ์

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ไม่ขึ้นศาลทหาร คดีส่องโกงราชภักดิ์ยื่นโต้แย้งเขตอำนาจศาล

ทนายคดีส่องโกงราชภักดิ์ขอถอนหมายจับชนกนันท์ หลังพบอัยการและถูกฟ้องคดี

ปล่อยตัวชั่วคราวกลุ่มส่องโกงราชภักดิ์ หลังอัยการศาลทหารสั่งฟ้องขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.

ธเนตรเข้ามอบตัวที่กองปราบฯ ตำรวจนัดส่งตัวให้อัยการศาลทหาร 28กรกฎาคมนี้

X