ออกหมายเรียก 5 นักวิชาการ-น.ศ. ฝ่าฝืนคำสั่งชุมนุมทางการเมือง กรณีกิจกรรมในงานไทยศึกษา

นายธีรมล บัวงาม นักศึกษาปริญญาโท คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และยังเป็นบรรณาธิการสำนักข่าวประชาธรรม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2560 ตนได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2560 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 เรื่องการมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย

ในหมายเรียกระบุมี ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคศึกษาด้านสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และยังเป็นประธานกรรมการและประธานฝ่ายวิชาการจัดงานประชุมไทยศึกษาครั้งที่ 13 ที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นผู้ต้องหาที่ 1 โดยระบุผู้ต้องหาว่ามีจำนวนทั้งหมดรวม 5 คน

หมายเรียกระบุชื่อผู้กล่าวหาได้แก่ พันเอกสืบสกุล บัวระวงศ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ และรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้มอบอำนาจให้ร้อยโทเอกภณ แก้วศิริ มาเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ โดยมีร้อยตำรวจเอกณัฐวัฒน์ เขื่อนแก้ว รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกเป็นผู้ออกหมายเรียก

หมายเรียกระบุให้ผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 23 สิงหาคม 2560 แต่มีการแก้วันนัดเข้าพบด้วยปากกาใหม่เป็นวันที่ 15 สิงหาคม 2560 เวลา 10.00 น.

จากการตรวจสอบกับพนักงานสอบสวนสภ.ช้างเผือก พบว่านอกจากดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ และนายธีรมล บัวงามแล้ว เจ้าหน้าที่ยังมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีก 3 ราย ได้แก่ ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปลและนักเขียนอิสระ, ชัยพงษ์ สำเนียง นักศึกษาปริญญาเอกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนลธวัช มะชัย นักศึกษาปริญญาตรีคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเป็นกรณีเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในการประชุมวิชาการไทยศึกษาเมื่อเดือนที่ผ่านมา

เบื้องต้นในวันนี้ (15 ส.ค.) ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนวันเข้านัดรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนออกไป เนื่องจากหมายเรียกดังกล่าวได้กำหนดวันนัดอย่างกระชั้นชิด และนายธีรมลยังติดภารกิจในวันนี้ ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นๆ ก็ยังไม่ได้รับหมายเรียก โดยมีรายงานว่ามีเพียงดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ได้รับหมายเรียกดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ต่อมา ทางพนักงานสอบสวนสภ.ช้างเผือกได้อนุญาตให้เลื่อนไปรับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่ที่ประชุมคณะกรรมการพนักงานสอบสวนในคดีนี้ระบุให้เลื่อนไปไม่เกินวันที่ 21 สิงหาคม และให้ทางทนายความประสานการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันดังกล่าวต่อไป

สำหรับงานประชุมวิชาการนานาชาติไทยศึกษา ที่จังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคม 2560 ในระหว่างการจัดงาน ทางชุมชนนักวิชาการนานาชาติได้อ่านแถลงการณ์ “ขอคืนพื้นที่ความรู้และสิทธิเสรีภาพของพลเมืองในสังคมไทย” เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม

นอกจากนั้นในวันที่ 18 กรกฎาคม ยังมีนักกิจกรรมและนักศึกษานำป้ายที่มีข้อความ “เวทีวิชาการ ไม่ใช่ค่ายทหาร” มาติดบริเวณหน้าห้องสัมมนาวิชาการ เนื่องจากเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐนอกเครื่องแบบเข้ามาบันทึกกิจกรรมต่างๆ ในงานโดยไม่มีการลงทะเบียนเข้าร่วมงานและไม่ได้ขออนุญาตผู้จัดงาน โดยที่ระหว่างทีป้ายดังกล่าวติดอยู่ ได้มีผู้ร่วมถ่ายรูปกับป้ายดังกล่าวเป็นจำนวนมากด้วย

ภายหลังการจัดงาน ได้ปรากฏหนังสือของนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ทำหนังสือโทรสารในราชการกรมปกครอง รายงานต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องความเคลื่อนไหวในงานประชุมวิชาการนานาชาติไทยศึกษา โดยรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 ได้มีนักวิชาการ นักกิจกรรม และนักเคลื่อนไหวทางสังคม จำนวน 6 คน ได้เดินทางมาชูป้ายข้อความว่า “เวทีวิชาการ ไม่ใช่ค่ายทหาร” โดยใช้สถานที่ภายในห้องประชุมสัมมนาและด้านหน้าห้องประชุมเป็นสถานที่ถ่ายภาพ พร้อมกับระบุว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) จะเชิญนักวิชาการ 3 คนเข้าพบเพื่อชี้แจง และขอความร่วมมือไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป แต่ภายหลังจากนั้นก็ยังไม่มีการเรียกตัวใดๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหา 5 รายดังกล่าว

(ภาพจากเพจเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง)

ทั้งนี้ ตามข้อ 12 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ที่ระบุความผิดเรื่องการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปนั้น กำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะเดียวกันในวรรคที่สองของข้อ 12 ยังกำหนดว่าหาก “ผู้กระทำผิด” สมัครใจเข้ารับการอบรมกับเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน และเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยเห็นสมควรปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไข ให้ถือว่าคดีเลิกกัน

 

อ่านเพิ่มเติม

เรียกผิดตัว-บิดเบือนข้อเท็จจริง: ความไร้ประสิทธิภาพของงานข่าว และปฏิบัติการข่าวสารทหาร?

X