คำแนะนำกรณีถูกควบคุมตัว ถูกจับกุม หรือได้รับหมายเรียก

  • อ่านหมายให้ละเอียด ว่าเป็นหมายเรียกครั้งที่เท่าไร เป็นหมายเรียกผู้ต้องหาให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา หรือเป็นหมายเรียกพยาน หากท่านมีข้อสงสัยให้โทรศัพท์สอบถามตามเบอร์โทรศัพท์ของพนักงานสอบสวนที่ระบุไว้ในหมาย
  • ในหมายเรียกจะระบุวันที่ที่เรียกให้ท่านไปพบ หากท่านไม่สามารถไปตามหมายได้ ให้โทรศัพท์แจ้งพนักงานสอบสวนและส่งหนังสือแจ้งขอเลื่อนนัดก่อนวันที่ที่ระบุในหมาย
  • ท่านควรปรึกษาทนายความ และไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนายความหรือบุคคลที่ไว้ใจ
  • หากท่านได้รับหมายเรียกครั้งที่ 1 แล้วไม่ไปตามหมาย พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากไม่ไปตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ท่านอาจถูกออกหมายจับได้
  • หากมีการนำตัวท่านไปแถลงข่าว ท่านมีสิทธิปฏิเสธไม่ยินยอมแถลงข่าวได้ 
  • กรณีมีหมายเรียก พนักงานตำรวจไม่มีอำนาจควบคุมตัวท่าน

เข้าร่วมชุมนุมแล้วถูกจับ

หากเข้าร่วมชุมนุมแล้วถูกจับ ให้ปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำ ดังต่อไปนี้ 

  1. แจ้งครอบครัว ญาติ เพื่อ หรือผู้ไว้วางใจให้ทราบสถานการณ์ โดยระบุชื่อ – สกุล สถานที่ถูกจับ และสถานที่ที่ตำรวจจะนำไปควบคุมตัวอย่างชัดเจน
  2. ติดต่อทนายความ หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย พร้อมแจ้งชื่อสกุล และเบอร์โทรติดต่อของตัวเองและญาติที่ไว้ใจได้ พร้อมสถานที่ที่ถูกนำไปควบคุมตัว
  3. หากถูกควบคุมตัวกะทันหัน และไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารในเวลานั้นได้ อาจตะโกนชื่อนามสกุลจริง พร้อมเบอร์โทรครอบครัว หรือเพื่อนดัง ๆ ให้บุคคลอื่น ๆ ทราบเรื่องการถูกจับกุม 

** หมายเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิยึดเครื่องมือสื่อสาร เว้นแต่มีหมายศาลมาแสดงต่อหน้าเท่านั้น

การโพสต์และแชร์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียไม่ใช่การกระทำความผิดซึ่งหน้า แต่อาจถูกจับกุมเนื่องจากถูกออกหมายจับโดยศาล ในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี ดังนั้นหากถูกจับกุมหรือควบคุมตัวควรปฏิบัติ ดังนี้

  1. สอบถามว่ามีหมายจับหรือไม่ หากไม่มีหมายจับ เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจควบคุมตัว หรือเชิญตัวไป หากมีหมายจับ สามารถขอบันทึกภาพไว้ตรวจสอบรายละเอียด 
  2. ขอดูบัตรแสดงตัวของเจ้าหน้าที่ ว่าชื่อ และตำแหน่ง พร้อมสังกัด
  3. สอบถามว่าการควบคุมตัวนี้ด้วยข้อหาอะไร
  4. สอบถามว่าจะถูกนำตัวไปที่ไหน
  5. แจ้งให้ญาติ คนที่ใกล้ชิด และทนายความให้ทราบโดยด่วน
  6. หากมีการนำตัวท่านไปแถลงข่าว ท่านมีสิทธิปฏิเสธไม่ยินยอมแถลงข่าวได้
  1. สอบถามว่ามีหมายค้นหรือไม่ ระบุสถานที่ที่ให้ตรวจค้นตรงกับที่อยู่ของผู้ถูกตรวจค้นหรือไม่ และตรวจสอบว่าหมายค้นนั้นระบุให้ค้นเพื่ออะไร ให้เจ้าหน้าที่ที่มีชื่อในหมายดำเนินการตรวจค้นเพียงที่ระบุในหมายเท่านั้น
  2. ยืนยันว่าการตรวจค้นต้องทำต่อหน้าเราผู้ครอบครองสถานที่ และให้คนใกล้ชิดมาเป็นพยานได้
  3. ต้องทำการค้นในเวลากลางวัน ยกเว้นหมายค้นระบุเวลาให้ทำการค้นในเวลากลางคืน
  4. ขอสำเนาบันทึกการตรวจค้นและบันทึกการยึดสิ่งของจากเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน

หากไม่มีหมายศาล พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจ และเราก็มีสิทธิที่จะไม่ทำตาม โดยทั่วไปเจ้าพนักงานมักสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการต่อไปนี้ 

  1. คัดลอกข้อมูล จากคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บแล็ต หรือระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ของเรา
  2. สั่งให้ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูล เช่น แฟลชไดรฟ์, แผ่นซีดีให้แก่เจ้าหน้าที่
  3. ตรวจสอบ หรือ Log in (เข้าระบบ) เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค มือถือ แท็บแล็ต ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของเรา
  4. ถอดรหัสผ่าน (password) เพื่อเข้าคอมพิวเตอร์ หรือสั่งให้เราพิมพ์หรือเขียนรหัสผ่าน เพื่อเข้าระบบคอมพิวเตอร์ หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเราพิมพ์หรือเข้า password หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในกากระทำการดังกล่าว
  5. ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์ของเรา เช่น ยึดคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ต แต่ยึดได้ไม่เกิน 30 วัน และขยายได้สูงสุดไม่เกิน 60 วัน เท่านั้น
  1. ยืนยันว่าเรามีสิทธิในการแจ้งทนายความและบุคคลที่ไว้วางใจให้ทราบตั้งแต่ถูกจับกุม และสามารถให้ทนายความและบุคคลที่ไว้วางใจ เข้าร่วมในกระบวนการสอบสวนและจัดทำบันทึกต่างๆ 
  2. ไม่ควรสนทนากับเจ้าหน้าที่เกินจำเป็น ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม หากถูกถามข้อมูล ไม่ควรให้ข้อมูลใดๆ รวมทั้ง Username (ชื่อผู้ใช้) และ Password (รหัสผ่าน) และไม่ควรใช้อารมณ์โต้เถียงประเด็นต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ เพราะจะเป็นผลเสียแก่ผู้ถูกควบคุมตัว เช่น นำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี
  3. อย่าวิตกกังวลไปกับการข่มขู่ในรูปแบบต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ พยายามควบคุมสติให้ได้มากที่สุดภายใต้สถานการณ์กดดัน
  4. ข้อเสนอแลกเปลี่ยนจากเจ้าหน้าที่ที่ต่อรองว่าหากรับสารภาพจะไม่ถูกดำเนินคดี หรือศาลจะพิพากษาลงโทษน้อยกว่าปกติ รวมถึงข้อเสนออื่นๆ เราไม่ควรตกลงเนื่องจากจะเป็นผลร้ายแก่ตนเอง เพราะข้อเสนอล้วนไม่มีฐานรองรับทางกฎหมายและไม่สามารถกระทำได้จริง
  5. หากเจ้าหน้าที่ให้เซ็นเอกสาร ควรสงบสติอารมณ์และอ่านเอกสารให้ครบถ้วน และดูว่าตรงกับความเป็นจริงที่เรารับรู้หรือไม่ โดยต้องไม่ใช่สิ่งที่ผู้ถูกควบคุมตัวคิดหรือคาดเดาไปเอง หากไม่ถูกต้องให้เจ้าหน้าที่แก้ไขให้ถูกต้อง หากเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ ผู้ถูกควบคุมตัวมีสิทธิไม่เซ็นได้
  6. โปรดระวังเอกสารและข้อมูลทุกชนิดที่เราให้กับเจ้าหน้าที่ เพราะถูกนำมาใช้ในชั้นศาลเพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายได้
  7. หากเป็นการจับกุมตัว ตำรวจควบคุมตัวท่านที่สถานีตำรวจได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง นับแต่ท่านมาถึงสถานีตำรวจที่ออกหมายจับ หลังจากนั้นจะถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาล ท่านมีสิทธิขอประกันตัวในชั้นตำรวจหรือในชั้นศาลได้
  8. หากเจ้าหน้าที่ขู่หรือหว่านล้อมให้บอกข้อเท็จจริงหรือเซ็นเอกสารต่างๆ และบอกว่าไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการปล่อยตัว เราควรตั้งสติและตระหนักเสมอว่าคำขู่หรือหว่านล้อมต่างๆ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถกระทำได้จริง เนื่องจากไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
  1. ไม่ควรให้การใดๆ กับพนักงานสอบสวน จนกว่าจะปรึกษาทนายความของตนเองก่อนเท่านั้น
  2. หากไม่มีทนายความของตนเอง เราควรให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา หรือยืนยันกับพนักงานสอบว่าจะไม่ให้การใดๆ และจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น
  3. ข้อพึงระวัง
    • เรามีสิทธิตามกฎหมายที่จะให้การหรือไม่ให้การกับพนักงานสอบสวนได้
    • มีสิทธิจะให้ทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าร่วมการสอบสวนได้
    • การให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนจะเป็นผลเสียอย่างมากในการต่อสู่คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านในชั้นศาลต่อไป
X