ไต่สวนขอลดค่าปรับนายประกัน คดี ‘สุรชัย’ ร่วมล้มประชุมอาเซียน ญาติตามหาสุดความสามารถ คาด ‘สุรชัย’ เสียชีวิตแล้ว

9 ธ.ค. 2562 ศาลจังหวัดพัทยานัดไต่สวนคำร้องขอลดค่าปรับตามสัญญาประกัน คดีหมายเลขดำที่ 3537/2552 หมายเลขแดงที่ 8488/2552 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับพวกรวม 18 คน (คดีบุกล้มประชุมอาเซียน ปี 52) คำร้องดังกล่าวนายดุสิต แซ่ด่าน นายประกันของจำเลยที่ 9 (นายสุรชัย แซ่ด่าน หรือ ด่านวัฒนานุสรณ์) เป็นผู้ยื่นคำร้อง โดยเกี่ยวเนื่องกับกรณีที่นายสุรชัย พร้อมคนสนิท 2 คนหายตัวไปจากที่พัก จนถึงปัจจุบันยังไม่ทราบชะตากรรมของนายสุรชัย ขณะที่สรุปได้แล้วว่า คนสนิททั้งสองเสียชีวิตแล้ว โดยพบเป็นศพลอยมาติดตลิ่งริมแม่น้ำโขงในเขตจังหวัดนครพนมหลังการหายตัวไปราว 2 สัปดาห์

นายดุสิตเบิกความว่า ตนเองเป็นนายประกันยื่นประกันตัวนายสุรชัยในคดีนี้ เนื่องจากเป็นหลานชายของนายสุรชัย และเชื่อว่านายสุรชัยจะไม่หลบหนี โดยวางหลักทรัพย์ประกันมูลค่า 500,000 บาท ประกอบด้วยตำแหน่งพนักงานรัฐวิสาหกิจของตนเอง และเงินสด 50,000 บาท ต่อมา หลังเหตุการณ์การรัฐประหารเมื่อปี 2557 นายสุรชัยเดินทางออกจากบ้านพักที่จังหวัดปทุมธานีโดยรถถยนต์ไปทางภาคเหนือแต่ไม่ทราบว่าที่ใด และในนัดพิจารณาคดีวันที่ 21 ต.ค. 57 นายสุรชัยไม่มาศาลตามนัด ตนได้พยายามติดตามหาตัวนายสุรชัย โดยติดต่อไปยังญาติพี่น้อง เพื่อน และครอบครัวของนายสุรชัย แต่ไม่มีผู้ใดทราบว่านายสุรชัยอยู่ที่ใด

นายประกันของนายสุรชัยเบิกความต่อว่า หลังจากตนพยายามติดตามตัวนายสุรชัยอยู่ระยะหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถติดตามจำเลยที่ 9 มาส่งต่อศาลเพื่อพิจารณาคดีต่อไปได้ ศาลจังหวัดพัทยาจึงมีคำสั่งให้ปรับนายประกัน จำนวน 500,000 บาท ตามมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ศาลให้ประกันนายสุรชัย โดยยึดเงินสดจำนวน 50,000 บาท ที่วางไว้กับศาล คงเหลือค่าปรับที่นายประกันต้องชำระเพิ่มจำนวน 450,000 บาท ต่อมา ตนได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 61 ขอผ่อนชำระค่าปรับดังกล่าว เดือนละ 3,000 บาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป จนกว่าจะครบ ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาต และตนได้ผ่อนชำระตามกำหนดนัดตลอดมา จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเงิน 63,000 บาท ซึ่งเป็นภาระสำหรับตนเองอย่างมาก

นายดุสิตกล่าวต่อศาลต่อไปว่า เหตุที่ตนมายื่นคำร้องนี้ เนื่องจากทราบข่าวจากภรรยานายสุรชัยเมื่อต้นปี 62 นี้ว่า นายสุรชัยหายไป โดยภรรยานายสุรชัยเล่าให้ตนฟังว่า ทราบในภายหลังว่า นายสุรชัยลี้ภัยไปอยู่ที่ลาว จึงติดต่อไปเพื่อให้กลับมาประเทศไทย  แต่นายสุรชัยไม่ตอบกลับ ต่อมา ช่วงปลายปี 61 ปรากฏข่าวพบศพลอยโผล่แม่น้ำโขง 3 ศพ ในเขตจังหวัดนครพนม และดูข่าวไทยรัฐทีวีเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 62 ในข่าวมีการไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัยในจังหวัดนครพนม โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า มีชาวบ้านใน อ. ท่าอุเทนพบศพแรก แต่ศพได้สูญหายไป จากนั้น ภรรยานายสุรชัยได้ติดตามข่าวของอีก 2 ศพ ซึ่งพบที่ อ.ธาตุพนม และ อ.เมือง ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตรวจ DNA แล้วยืนยันว่า เป็นศพของกาสะลองและภูชนะ ซึ่งเป็นคนสนิทและอยู่บ้านเดียวกับนายสุรชัยที่ลาวมาตลอด ทำให้ภรรยาและญาตินายสุรชัยคาดว่า นายสุรชัยเสียชีวิตแล้ว และศพแรกที่พบแล้วหายไปก็คือศพของนายสุรชัย โดยอาจมีคนขโมยศพไป ทั้งนี้ ทนายความของผู้ร้องได้นำแผ่นซีดีคลิปข่าวของไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 62 ตามที่นายดุสิตเบิกความถึง ส่งต่อศาลเพื่อเป็นพยานหลักฐานด้วย

นายดุสิตเบิกความด้วยว่า หลังจากตนทราบข่าวดังกล่าว ก็ได้ร่วมกับครอบครัวของนายสุรชัยพยายามติดตามหานายสุรชัยในทุกช่องทางอย่างสุดความสามารถ รวมทั้งเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรท่าอุเทน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 62 เพื่อให้ทำการสืบสวนสอบสวน และยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 62 และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 62 แต่ก็ยังไม่ทราบถึงชะตากรรมของนายสุรชัย ซึ่งคาดว่านายสุรชัยเสียชีวิตแล้ว

ในช่วงท้าย นายดุสิตเบิกความว่า หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามคาดว่า นายสุรชัยเสียชีวิตแล้ว ตนเองก็คงไม่สามารถติดตามตัวนายสุรชัยมาส่งต่อศาลเพื่อพิจารณาคดีต่อไปได้ และต้องแบกรับภาระในการผ่อนชำระค่าปรับซึ่งยังเหลืออีกจำนวนมาก จึงขอให้ศาลงดการบังคับตามสัญญาประกันหรือลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระตามสัญญาประกันลง

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน ศาลจังหวัดพัทยานัดฟังคำสั่งต่อคำร้องดังกล่าวในวันที่ 27 ธ.ค. 62 เวลา 09.00 น.

แจ้งความที่ สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อ 25 ก.พ. 62 (ภาพโดย ประชาไท)

นายอานนท์ นำภา ทนายความของผู้ร้อง ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า กรณีนี้ นายดุสิตได้ยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นศาลได้นัดไต่สวนเพิ่มเติมในวันนี้ โดยทนายความได้ยื่นบัญชีพยานที่จะเข้าเบิกความให้ข้อมูลต่อศาล 2 ราย คือ ตัวนายดุสิตเอง และนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์จากนางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยานายสุรชัย และในฐานะที่บุคคลในครอบครัวก็เป็นบุคคลที่สูญหายเช่นกัน ซึ่งนางอังคณายินดีมาเบิกความเป็นพยาน แต่ในวันนี้มีภารกิจส่วนตัวเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้

นายอานนท์กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยรวมบรรยากาศในการไต่สวนค่อนข้างดี ศาลสนใจซักถามถึงการหายไปของศพที่พบเป็นศพแรก  และตัวนายประกันก็เบิกความถึงความพยายามร่วมกับครอบครัวนายสุรชัยในการติดตามหานายสุรชัยอย่างสุดความสามารถ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็มีความหวังว่าศาลพัทยาจะเข้าใจ และกรุณาปรับลดค่าปรับลงตามที่ขอมาในคำร้อง เพราะยังเหลือค้างชำระอยู่อีกเกือบ 4 แสนบาท

ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง และศาลอาจสั่งงดการบังคับตามสัญญาประกันหรือลดจำนวนเงินที่ต้องใช้ตามสัญญาประกันก็ได้ โดยคำนึงถึงความพยายามของผู้ประกันในการติดตามตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนี รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามีมากน้อยเพียงใดประกอบด้วย 

ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีบังคับสูญหาย เมื่อ 19 ก.ย. 62

ในท้ายคำร้องขอลดค่าปรับตามสัญญาประกันดังกล่าว นายดุสิตได้แนบเอกสารเผยแพร่ของคณะทำงานและผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ลงวันที่ 6 มี.ค. 2562 เพื่อยืนยันข้อมูลการหายตัวไปของนายสุรชัย เอกสารดังกล่าว คณะทำงานและผู้รายงานพิเศษฯ ได้ส่งถึงรัฐบาลไทย โดยระบุว่า ได้รับข้อมูลและมีความกังวลเกี่ยวกับการบังคับสูญหายและการประหัตประหารนอกกระบวนการยุติธรรม กรณีการหายตัวไปของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งอาจจะถูกฆาตกรรมไปแล้ว รวมทั้งกรณีที่นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ และนายไกรเดช ลือเลิศ คนสนิททั้งสองของนายสุรชัยถูกฆาตกรรม ทั้งสามเป็นนักกิจกรรมการเมือง ได้เข้าร่วมการชุมนุมที่จัดโดย นปช. ในกรุงเทพฯ และพัทยา ตั้งแต่ปี 2552 – 2553 และหลังจากทหารเข้ายึดอำนาจ ในเดือนพฤษาคม 2557 ทั้งสามคนได้หลบหนีไปที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ต่อมา ในเดือนมิถุนายน 2557 ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับนายสุรชัย และนายชัชชาญ หลังทั้งสองไม่ได้ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.

นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (ภาพโดย ประชาไท)

เอกสารดังกล่าวระบุอีกว่า ทั้งสามได้ติดต่อกับคนภายนอกที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 ธ.ค. 61 ช่วงเวลานั้นพวกเขาตัดสินใจที่จะออกจากที่พัก เนื่องจากวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย ด้วยเหตุที่นายกรัฐมนตรีไทยและหัวหน้า คสช. จะมาที่ สปป. ลาว ในวันที่ 13 ธ.ค. 61 ก่อนที่ในวันที่ 27 และ 29 ธ.ค. 61 จะมีการพบ 2 ศพนิรนามที่บริเวณริมแม่น้ำโขงในจังหวัดนครพนม ทั้งสองศพถูกฆ่าในลักษณะที่คล้ายกัน คือ ถูกมัดมือ รัดคอด้วยเชือก ศพยังถูกคว้านท้องยัดด้วยปูน และห่อใส่ตาข่าย โดยรายงานจากสถาบันนิติเวชวิทยาระบุว่า ตัวอย่าง DNA ที่เก็บมาจากสมาชิกครอบครัวของนายชัชชาญและนายไกรเดชตรงกับศพทั้งสอง ในขณะที่ชะตากรรมและที่อยู่ของนายสุรชัยยังคงไม่ทราบ รวมทั้งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากระบวนการสอบสวนเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายสุรชัยดำเนินการไปถึงขั้นไหน  แต่จากข้อมูลที่ไม่เป็นทางการพบว่า มีอีกศพหนึ่งถูกพบใกล้ ๆ กัน  

ภาพศพที่ลอยมาติดตลิ่งแม่น้ำโขงใน จ.นครพนม (ภาพจาก ประชาไท)

ภาพศพที่ลอยขึ้นที่อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งต่อมาหายไป  (ภาพจาก ประชาไท)

 

เอกสารหลักฐานที่นำส่งศาลและข่าวการติดตามหานายสุรชัย

 

X