12 มิ.ย. 63 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจากนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง แกนนำคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ, น.ส.มัทนา อัจจิมา และประชาชนอีก 1 ราย ว่าทั้งสามคนได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจากสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในวันที่ 17 มิ.ย. 63 โดยในหมายเรียกระบุว่า คดีนี้มีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และพวกรวม 6 คน เป็นผู้ต้องหา
ภาพกิจกรรมหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 63 (ภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์)
หนึ่งในผู้ที่ได้รับหมายเรียก ระบุว่าเหตุในการถูกออกหมายมาจากการไปร่วมกิจกรรมที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ถนนประชาอุทิศ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 63 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชามีความกระตือรือร้นในการสืบสวนกรณีการหายตัวไปของ ‘วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ ผู้ลี้ภัยชาวไทยที่พักอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งถูกอุ้มหายเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 63 เวลาประมาณ 14.30 น. กลุ่มนักศึกษาและประชาชนราว 30 คน นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมารวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชูป้ายขอความเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายวันเฉลิม และขอให้รัฐบาลกัมพูชา-รัฐบาลไทยช่วยเหลือติดตามคดี ทั้งนำภาพใบหน้านายวันเฉลิมมาติดบนกำแพงสถานทูต ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดของตำรวจ สน.วังทองหลาง โดยมี นายเสาะ พีรี เลขานุการสถานทูต ออกมาเป็นตัวแทนพบแกนนำผู้ชุมนุมและรับข้อเรียกร้อง
ภาพกิจกรรมหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 63 (ภาพจาก The Momentum)
คดีนี้นับเป็นการนำข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาดำเนินคดีกับการจัดกิจกรรมแสดงออกทางการเมืองในเชิงสัญลักษณ์เป็นคดีที่ 3 โดยก่อนหน้านี้มีการดำเนินคดีกับนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ‘ฟอร์ด เส้นทางสีแดง’ ในการจัดกิจกรรมรำลึกกิจกรรมครบรอบ 10 ปี การถูกสังหารของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดงฯ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 63 และอนุรักษ์ยังได้ถูกดำเนินคดีอีกครั้งในการทำกิจกรรมกิจกรรมเล่นดนตรีเปิดหมวกหาเงินช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนเพราะโควิด-19 ในวันรำลึก 6 ปีการรัฐประหาร ร่วมกับ น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ บริเวณลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 63
ในวันเดียวกัน เฟซบุ๊กของนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ‘ฟอร์ด เส้นทางสีแดง’ ยังได้โพสต์ถึงกรณีประชาชนจำนวน 7 คน ประกอบด้วย 1. เสาวนีย์ สมพิชัย 2. ธานี สะสม 3. สมจิตร สอนศรี 4. ธัญวลัย ฝรั่งทอง 5. นวพร เจริญลาภ
6. วลี ญานหงสา 7. มณฑา แสงเปล่ง ได้รับหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีเข้าร่วมงานรำลึก 10 ปี การถูกยิงเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 63 ซึ่งเดิมมีการดำเนินคดีกับนายอนุรักษ์เพียงคนเดียว ทำให้รวมมีผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้รวม 8 คนแล้ว
(ภาพจากเฟซบุ๊ก Anurak Jeantawanich)
ภายหลังมีการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งมีผลบังคับใช้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 ถึง 30 เม.ย. 63 และต่ออายุมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 ถูกประกาศบังคับใช้ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย. นั้น ก่อให้เกิดการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เริ่มไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรายวันไม่ถึง 10 ราย และทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเคยตั้ง ข้อสังเกตทางกฏหมาย เกี่ยวกับการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะเกี่ยวเนื่องกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและรวมตัวไว้ว่าข้อกำหนด ข้อ 5 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่ง “ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าว อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย” นั้นอาจมีปัญหาในกรณีของ “การทำกิจกรรม” ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในความหมายของการชุมนุมตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
อีกทั้งข้อกำหนดข้อ 14 ยังกำหนดคำแนะนำในการจัดกิจกรรมหรือพิธีการทางสังคมตามประเพณี กิจกรรมและงานพิธีของทางราชการให้ยังจัดได้ตามมาตรการป้องกันโรค ซึ่งทำให้เกิดความสับสนว่าสามารถดำเนินกิจกรรมได้หรือไม่ เนื่องจากข้อกำหนดในข้อ 5 นั้นกำหนดเป็นบทบัญญัติทางกฎหมาย แต่ข้อกำหนดในข้อ 14 นั้น มีลักษณะเป็นข้อยกเว้นแต่กำหนดเป็นคำแนะนำ
นอกจากนี้ การรวมถึง “การกระทำดังกล่าว อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย” อาจเป็นการอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กำหนดมาตรการที่เกินกว่าจำเป็นเพื่อป้องกันโรคระบาด เนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้นให้อำนาจไว้อย่างกว้างขวางเพื่อให้ครอบคลุมสถานการณ์ที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่เมื่อนำมาใช้ในสถานการณ์การป้องกันโรคระบาดใหญ่นี้ รัฐต้องกำหนดเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เหมาะสมกับการแก้ไขเหตุการณ์ตามประกาศเท่านั้น
ทั้งนี้ในช่วงที่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีกรณีการใช้อำนาจของรัฐออกไปกว้างขวางมากกว่าเพื่อการทำความเข้าใจ และควบคุมการแพร่ระบาด แต่กลับเป็นไปในแง่มุมที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเกินจำเป็นหลายกรณี อาทิ เข้ารื้อถอนตลาดริมคลองหัวลำโพง หรือ “ตลาดลาวคลองเตย” ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว (อ่านต่อ) หรือการที่ ศอ.บต. เตรียมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ จ.สงขลา ในช่วงการระบาดของโควิด-19 (อ่านต่อ) เป็นต้น รวมทั้งนำมาใช้ดำเนินคดีในกรณีที่เป็นการจัดกิจกรรมแสดงออกทางการเมือง แม้ผู้จัดการจะได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วก็ตาม โดยแนวโน้มในการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อาจจะยังมีอยู่ต่อไป แม้จะมีการประกาศ ยกเลิกเคอร์ฟิว และผ่อนปรนระยะที่ 4 แล้วก็ตาม
อ่านเรื่องของ’วันเฉลิม’
“หัวใจมันตก มันแตก”: คุยกับเพื่อน ‘ต้าร์’ ในวันที่มิตรสหายถูกอุ้มหายไป
ทบทวน “ความผิด” ไม่รายงานตัว คสช.: แรงผลักดันสู่การลี้ภัย 6 ปีของวันเฉลิม
ครอบครัวยื่นหนังสือ กต.-กมธ. เร่งติดตาม-สืบสวน หลัง ‘วันเฉลิม’ ถูกอุ้มหายหน้าที่พัก 5 วันแล้ว
อ่านสเตตัส ‘วันเฉลิม’ ผู้ถูกอุ้มหาย: การลี้ภัย ต้านรัฐประหาร และความหวังในชีวิตไกลบ้าน
ผู้ถูกกล่าวหาเป็นแอดมิน ‘กูต้องได้ 100 ล้านฯ’ ถูกอุ้มหาย ขณะคดีแชร์เพจถึงที่สุด ศาลยกฟ้อง
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
สถานทูตกัมพูชารับปากเสนอเรื่อง “วันเฉลิม” ถูกอุ้ม ถึงนายกฯ ฮุน เซน
รำลึก เสธ.แดง 10 ปี คดียังไม่พ้นดีเอสไอ – ตำรวจจับ ‘ฟอร์ด’ ฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสี่ยงโควิด-19