ศาลยกฟ้องคดีชาวบ้านม้งอำเภอปาย หลังถูกจนท.ป่าไม้กล่าวหาทำกินรุกป่าสงวน

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.59 ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน สาขาปาย นัดฟังคำพิพากษาในคดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กับนายสุ หว่างป่อ เกษตรกรและชาวบ้านชาติพันธุ์ม้ง ข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ และพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ โดยจำเลยถูกกล่าวหาว่าได้เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และก่อสร้าง แผ้วถ้าง หรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับเหตุในคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.58 นายสุ ถูกกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าเมืองแปง-ทุ่งยาว ว่าได้บุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน แผ้วถางป่าเพื่อทำการเกษตร คิดเป็นเนื้อที่ 16 ไร่ ในบริเวณป่าต้นน้ำห้วยผักห้า บ้านผาสำราญ ตำบลเมืองแปง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยพื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติแม่ปายฝั่งซ้าย

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เรียกนายสุไปแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 18 ส.ค.58 โดยเขาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยขณะมีการส่งฟ้องคดีต่อศาล ได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์จำนวน 2 แสนบาท โดยได้รับความช่วยเหลือส่วนหนึ่งจากกองทุนยุติธรรม ของกระทรวงยุติธรรม ก่อนจะมีการสืบพยานในคดีเสร็จสิ้นในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และศาลนัดฟังคำพิพากษา

ศาลได้วินิจฉัยว่าพยานโจทก์สามปาก ที่เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารเบิกความตรงกันว่าขณะเข้าตรวจยึดพื้นที่เกิดเหตุที่มีการบุกรุกป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีชาวบ้านราว 10 คน ร่วมพูดคุย และจำเลยได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว และขณะจะพาตัวไปสอบปากคำ จำเลยได้หลบหนีออกจากพื้นที่ แต่จากการนำสืบพบว่าในเอกสารการตรวจยึดพื้นที่กลับระบุว่าไม่พบตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งขัดแย้งกับคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสาม

ขณะที่พยานโจทก์ยังเบิกความว่าเหตุที่ไม่เข้าจับกุมตัวผู้กระทำความผิด เพราะเกรงจะมีการปะทะกันกับชาวบ้านที่บางคนมีอาวุธ แต่ศาลพิเคราะห์จากภาพถ่ายขณะเกิดเหตุพบว่ามีเพียงชาวบ้านหนึ่งคนที่พกพาอาวุธมีด และยังมีการห่อหุ้มไว้อย่างดี ไม่ได้นำมีการนำออกมา ขณะเจ้าหน้าที่มีอาวุธปืนครบมือ ไม่น่าเชื่อได้ว่าจะไม่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดได้ คำให้การของพยานโจทก์จึงมีพิรุธ ไม่สมเหตุสมผล  และไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมีน้ำหนักพอให้รับฟังว่าจำเลยกระทำความผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย พิพากษายกฟ้อง

img_1127

ชาวบ้านที่มาร่วมให้กำลังใจในการฟังคำพิพากษา (นายสุคนนั่งใส่เสื้อลายสีม่วงขาว)

สำหรับ นายสุ อายุ 58 ปี เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ประกอบอาชีพทำนาทำสวน โดยปลูกข้าวและพืชผักต่างๆ และยังเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้าน นายสุระบุว่าพื้นที่พิพาทนั้น ตนไม่ได้เข้าไปทำกินมาหลายปีแล้ว ขณะเกิดเหตุก็ไม่ได้มีการครอบครองทำประโยชน์ แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ไร่หมุนเวียนของชุมชน ที่มีชาวบ้านหลายครอบครัวผลัดเปลี่ยนกันทำประโยชน์มานานแล้ว ไม่ได้มีใครครอบครองเป็นเจ้าของ

สำหรับขณะเกิดเหตุ นายสุระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง หลายสิบนาย เข้ามาตรวจยึดพื้นที่ โดยอ้างว่าได้มีผู้แจ้งว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าในพื้นที่นี้ และมีชาวบ้านประมาณ 10 คน ออกไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ขณะนั้นนายสุกำลังเดินทางไปดูท่อประปาของหมู่บ้าน เพราะน้ำไม่ไหล และพบเพื่อนบ้านที่กำลังไปเก็บเห็ด จึงเดินทางไปด้วยกัน ก่อนจะพบการพูดคุยของชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่

นายสุได้พยายามช่วยชี้แจงว่าพื้นที่พิพาทเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านร่วมกัน และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มีการแบ่งเขตทำกินให้แก่ชาวบ้านแล้ว ตามโครงการของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ไม่ได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าแต่อย่างใด จากนั้นจึงได้มีการพูดคุยโต้เถียงกัน โดยเจ้าหน้าที่ยังพยายามหาคนกระทำความผิดที่เข้ามาถือครองพื้นที่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี นายสุได้รับว่าเคยเข้ามาทำกินส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้ทำกินมาหลายปีแล้ว แต่จากนั้นกลับพบว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปาย กับนายสุเพียงคนเดียว

ทั้งนี้ ภายหลังการใช้คำสั่งคสช.ฉบับที่ 64/2557 และนโยบายทวงคืนผืนป่า ทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตป่าเป็นจำนวนมาก ทั้งมีการข่มขู่คุกคาม หรือไล่รื้อที่อยู่อาศัย, การตัดฟันทำลายพืชผลในเขตป่า และการจับกุมดำเนินคดี แม้ในคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 จะเน้นย้ำว่าการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ยากไร้ แต่เนื่องจากมาตรการหลักของคำสั่ง คสช. คือการใช้กำลังเข้าจับกุม และทวงคืนพื้นที่เป็นหลัก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าและกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหากับภาครัฐ จึงได้รับผลกระทบไปด้วย  ในพื้นที่ภาคเหนือ กลุ่มชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่ ซึ่งมีวิถีชีวิตและการทำมาหากินสัมพันธ์กับทรัพยากรป่าไม้ ได้รับผลกระทบจากการถูกประกาศยึดคืนพื้นที่ หรือถูกจับกุมดำเนินคดี  (ดูสรุปรายงานของกลุ่มจับตาปัญหาที่ดิน หรือ Land Watch)

X