จำเลยคดีสติกเกอร์ Vote No ขออัยการถอนฟ้อง เหตุเป็นการแสดงความคิดเห็นและไม่ผิด ม.61

นักกิจกรรมและนักข่าวรวม 5 คนที่ตกเป็นจำเลยในคดีแจกสติกเกอร์โหวตโนที่ราชบุรี ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมขอให้อัยการถอนฟ้องคดี และศาลนัดสมานฉันทร์เห็นว่าเป็นคดีโทษไม่สูงถ้าจำเลยรับสารภาพศาลสามารถใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้ไม่กระทบกับประวัติของจำเลยได้ แต่จำเลยทั้ง 5 คนขอต่อสู้คดีเพราะเห็นว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเท่านั้น

14423750_1095564810481367_1993272377_o

จากซ้ายไปขวา : ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย, อนุชา รุ่งมรกต, ปกรณ์ อารีกุล, ทวีศักดิ์ เกิดโภคา และอนันต์ โลเกตุ

21 ก.ย.2559 เวลา 9.20 น. จำเลยในคดีแจกสติกเกอร์โหวตโนที่สภ.บ้านโป่ง ราชบุรีทั้ง 5 คน ได้แก่  ปกรณ์ อารีกุล,อนุชา รุ่งมรกต, อนันต์ โลเกตุ สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ภานุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ และทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไท ซึ่งถูกฟ้องตามความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 มาตรา 61 และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 25 เรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา ทั้ง 5เดินทางไปยังศาลจังหวัดราชบุรีตามนัดสมานฉันทร์

ทั้งนี้ก่อนถึงเวลานัดของศาลทั้ง 5คนได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานอัยการศาลราชบุรีเพื่อขอให้อัยการถอนฟ้องโดยหนังสือร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวมีใจความสรุปได้ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่มาวางกรอบการใช้อำนาจขององค์กรของรัฐและรับรองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน การให้ประชาชนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีความชอบธรรมและเป็นที่ยอมรับ และสติกเกอร์ดังกล่าวก็ไม่ได้มีลักษณะอันเป็นเท็จ อีกทั้งนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังเคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่าสติกเกอร์เหล่านี้ไม่น่าเป็นความผิดตามม.61 พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติและสามารถเผยแพร่ได้ นอกจากนั้นการดำเนินคดีกับพวกตนก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอีกทั้งการออกเสียงประชามติก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งการดำเนินคดีกับพวกตนอาจจะส่งผลเสียต่อรัฐบาลเนื่องจากอาจถูกลดความน่าเชื่อถือในด้านสิทธิมนุษยชนจากนานาประเทศ

14394016_1095565230481325_39901615_o

ทนายความและทวีศักดิ์ขณะเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงอัยการ

จากนั้นจำเลยทั้ง 5 คนไปที่ศาลจังหวัดราชบุรีตามนัดสมานฉันทร์ ศาลได้อ่านคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 5 ฟังและได้ถามว่าพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติฯ เป็นกฎหมายเฉพาะที่ออกมาเพื่อให้การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและขณะนี้การออกเสียงประชามติก็ได้เสร็จสิ้นแล้ว อีกทั้งโทษตามกฎหมายก็ไม่ได้รุนแรง แต่เพื่อเป็นการป้องปรามเท่านั้น ดังนั้นจำเลยให้การว่าอย่างไร หากสารภาพก็จะสามารถตัดสินได้เลย

ทั้งนี้อัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 5 คน กลับไม่ได้มาเข้าร่วมนัดสมานฉันท์ในครั้งนี้ทั้งที่นัดสมานฉันท์จะต้องมาทั้งสองฝ่าย

ทนายของนายปกรณ์จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาลว่าในเรื่องของสติกเกอร์ซึ่งเป็นของกลางตามฟ้องของโจทก์นั้นได้หารือกับทางนายสมชัย ศรีสุทธิยากรซึ่งเป็น กกต. แล้วก็ได้รับการชี้แจงมาว่าการแจกสติกเกอร์ดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย นอกจากนั้นจำเลยบางคนยังเป็นนักศึกษาอยู่ และยังมีนักข่าวที่เพียงแค่ติดตามทำข่าวเท่านั้นแต่ก็ยังถูกจับกุมด้วย ซึ่งเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นก็เป็นเรื่องปกติของสังคมและการกระทำดังกล่าววก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายและไม่ได้มีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงแต่อย่างใด จึงได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการแล้วเพื่อให้ดำเนินการถอนฟ้องในคดีนี้เพราะการดำเนินคดีนี้ต่อไปเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะแต่อย่างใด

ศาลได้ถามทนายความว่านอกจากคดีนี้ที่อยู่ในการพิจารณาของศาลจังหวัดราชบุรีแล้วยังมีคดีในลักษณะเดียวกันนี้ในศาลอื่นๆ อีกหรือไม่ ประเด็นนี้ทนายความได้ตอบว่ายังมีคดีเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติที่กรุงเทพซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีการเปิดศูนย์ปราบโกงราชบุรีฯ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เกิดคดีของจำเลยทั้ง 5 คนนี้ด้วย

ศาลกล่าวว่าหากเป็นในลักษณะคดีนโยบายการดำเนินคดีก็คงต้องให้เป็นในแนวทางเดียวกันทุกคดี

ทั้งนี้การดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาใช้สิทธิรณรงค์ประชามติยังถูกท้วงติงโดยข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งทนายความได้ชี้แจงต่อศาลว่าการดำเนินคดีดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐในการนำประเทศสู่การปรองดองและเคารพสิทธิมนุษยชน และทนายความได้แถลงต่อว่าหากจำเลยรับสารภาพแล้วก็จะทำให้จำเลยมีประวัติติดตัว ทั้งนี้จำเลยทั้ง 5 ก็กระทำไม่ได้คิดว่าจะเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายใดและได้ทำไปโดยบริสุทธิ์ใจ

ศาลกล่าวว่าหากอัยการมีความเห็นไม่ถอนฟ้องคดีก็จะดำเนินต่อไปจึงอยากหารือกับทนายความว่าคดีอาญามีแนวการให้การมีอยู่สองอย่างคือจะรับสารภาพหรือจะสู้คดีเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงว่าผิดหรือไม่ผิด แต่ถ้ารับสารภาพศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษได้โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกมาในช่วงหลังที่เปิดให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษได้กว้างมากขึ้น ซึ่งศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้ไม่กระทบต่อประวัติของจำเลยได้ซึ่งศาลก็จะไปปรึกษากับหัวหน้าศาลในประเด็นนี้

ทนายความได้กล่าวว่าจุดสำคัญของประเด็นนี้คือการแสดงความคิดเห็นเป็นอิสระและสิทธิพื้นฐานของประชาชนไม่ได้เป็นการกระทบต่อความมั่นคงและก่อความวุ่นวาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีนักการเมืองที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจำเลยในคดีนี้ก็เพียงแค่แสดงความคิดเห็นว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เท่านั้น ซึ่งอยากจะขอให้จำเลยได้แถลงต่อศาลในประเด็นเหล่านี้

ปกรณ์ อารีย์กุล จำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลว่า สติกเกอร์ของพวกเขานั้นไม่ไดีมีเพียงที่ถูกนำมาใช้ในการดำเนินคดีนี้ แต่ได้มีการแจกในพื้นที่อื่นๆ เพื่อแสดงความคิดเห็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีการดำเนินคดีนี้และรับสารภาพก็จะขัดต่อความเชื่อโดยสุจริต และกกต. ก็ยังเคยบอกว่าหากมีการดำเนินคดีจากกรณีนี้ก็จะมาเป็นพยานให้ และหากพวกตนรับสารภาพแล้วในอนาคตเกิดการทำประชามติอีกก็จะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวในการที่จะออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐ

ทวีศักดิ์ เกิดโภคา จำเลยที่ 2 แถลงยืนัยนว่าตนเพียงติดรถไปทำข่าวการไปให้กำลังใจของจำเลยอื่นๆ เท่านั้น และไมได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารที่พบเจอในรถแต่อย่างใด แล้วในตอนที่ตำรวจเข้าจับกุมตนก็ได้แสดงตัวแล้วว่าเป็นนักข่าวแต่ก็ยังถูกเหมารวมไปด้วย ซึ่งการดำเนินคดีกับตนก็เห็นว่าจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลมากวก่าเพราะอาจจะถูกตีความว่ารัฐบาลได้ลดทอนสิทธิเสรีภาพได้

ภายหลังการแถลงของทนายและจำเลยทั้งสองคน ศาลได้บันทึกการพิจารณาว่าศาลได้อ่านและอธิบายฟ้องให้ความรูเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลย ขั้นตอนการดำเนินคดี และการเสริมสร้างการรู้สำนึกและความรับผิดชอบจากการกระทำความผิดตามขั้นตอนแล้ว จำเลยทั้ง 5 คนแถลงยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องและประสงค์ที่จะต่อสู้คดีโดยหลังจากนี้สำนวนคดีจะถูกนำเข้าสู่ระบบการพิจารณาคดีปกติ ศาลได้พร้อมและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 17 ต.ค.2559 เวลา 8.30น.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคำฟ้องอัยการ คดี 5 จำเลยรณรงค์ประชามติ จ.ราชบุรี : ขอศาลสั่งตัดสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้งหมด 10 ปี

จับ 3 นักกิจกรรม NDM พร้อมนักข่าว แจ้งผิด พ.ร.บ.ประชามติ หลังค้นรถเจอเอกสาร Vote No

จับกลางดึกอีก 1 นักศึกษา แจ้งผิด พ.ร.บ.ประชามติ ร่วมกับ NDM

ศาลราชบุรีอนุญาตฝากขัง 5 ผู้ต้องหา พ.ร.บ.ประชามติ ก่อนให้ประกันตัวหลักทรัพย์คนละ 1.4 แสนบาท

เปิด ‘19 ของกลาง’-รายชื่อจนท.ชุดจับกุม 5 นักกิจกรรม-นศ.-นักข่าว ที่บ้านโป่ง

ตร.-ทหาร พยายามเข้าตรวจค้นบ้านแกนนำเสื้อแดงบ้านโป่ง อ้างตรวจสอบความเชื่อมโยงกรณียึดเอกสารประชามติ

X