ฟ้องศาลทหารมาครบ 3 ปี คดี “แม่ครัว ครอบครองอาวุธ” ยังไม่จบ เพิ่งสืบพยานโจทก์ได้ 5 ปาก

5 ก.ย.60 ศาลมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ นัดสืบพยานโจทก์ในคดีของนางเสาวณี อินต๊ะหล่อ อดีตแม่ครัวร้านอาหารในจังหวัดลำพูน ข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 โดยถูกกล่าวหาว่าได้ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ และร่วมกันมีใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

เหตุในคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ค.57 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นภายในสวนลำไยแห่งหนึ่ง บริเวณตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยเจ้าหน้าที่กล่าวอ้างว่ามีการสืบทราบว่าบริเวณสวนลำไยดังกล่าว มีการฝึกการใช้อาวุธของกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมทางการเมือง และได้พบชายฉกรรจ์ 5 คน ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป ทั้งหมดต่างพากันวิ่งหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะสามารถควบคุมตัวนางเสาวณีเอาไว้ได้ รวมทั้งมีการตรวจค้นบริเวณสวน พบอาวุธปืนยาวแบบไทยประดิษฐ์ เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง เสื้อเกราะกันกระสุน วิทยุสื่อสาร และสัญลักษณ์เสื้อหรือป้ายเกี่ยวกับคนเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่ง จึงมีการดำเนินคดีกับเสาวณี ที่เจ้าหน้าที่พบตัวในสวนลำไยดังกล่าว

คดีนี้ อัยการทหารมีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาลทหาร เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 โดยจำเลยไม่ได้รับการประกันตัวภายหลังสั่งฟ้อง ราว 3 เดือน จนกระทั่งการยื่นประกันตัวครั้งที่ 5 ศาลทหารจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท ก่อนจะมีการถามคำให้การในคดีเมื่อวันที่ 5 พ.ย.57 โดยจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ตลอดปี 2559 ศาลทหารมีการนัดสืบพยานโจทก์ในคดีนี้หลายนัด แต่ก็มีการเลื่อนคดีเรื่อยมา สาเหตุทั้งเนื่องจากจำเลยป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่สามารถมาศาลได้ และเหตุเนื่องจากพยานโจทก์ไม่มาศาลหลายครั้ง อีกทั้ง รูปแบบการนัดสืบพยานของศาลทหารเป็นระยะเวลา 2-3 เดือนต่อหนึ่งนัด ทำให้คดีดำเนินไปอย่างล่าช้า โดยพยานปากแรกได้มีการเริ่มสืบเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.59

หากนับถึงวันนี้ (5 ก.ย.60) ในปี 2560 ศาลทหารมีการนัดสืบพยานมาแล้วจำนวน 5 นัด ในจำนวนนี้ต้องเลื่อนสืบพยานไปจำนวน 2 นัด เนื่องจากพยานไม่มาศาล รวมแล้วปีนี้สืบพยานแล้วเสร็จไปได้จำนวน 4 ปาก โดยจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาจวนครบ 3 ปี ตั้งแต่มีการสั่งฟ้องคดีต่อศาลทหาร

พยานโจทก์ที่ขึ้นเบิกความในวันนี้นับเป็นพยานโจทก์ปากที่ 5 ได้แก่ พ.ต.อ.บุญรักษ์ ก้าวสมบัติ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 5 พยานปากนี้เกี่ยวข้องเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางในคดีนี้

พยานระบุว่าประมาณวันที่ 30 พ.ค.57 พนักงานสอบสวนสภ.เหมืองจี้ ได้นำของกลางจำนวน 5 รายการ มาให้ทำการตรวจพิสูจน์ จากนั้นพยานได้ทำรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลาง โดยพบว่าของกลางรายการที่ 5 ที่เป็นกระสุนปืน 7.62 มม. เป็นอาวุธที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ส่วนของกลางอื่นๆ นายทะเบียนสามารถออกใบอนุญาตให้ได้ โดยปืนแก๊ปของกลางมีลักษณะเป็นสนิม ใช้ยิงทำอันตรายไม่ได้ ทั้งยังเป็นปืนที่ชาวบ้านผลิตกันขึ้นมาเอง ไม่ได้เป็นของโรงงาน แต่พยานไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะได้ของกลางดังกล่าวมาได้อย่างไร

หลังการสืบพยานปากนี้เสร็จสิ้น อัยการทหารแถลงขอนำพยานโจทก์มาเบิกความอีก 2 ปากในนัดหน้า คู่ความจึงตกลงนัดหมายสืบพยานต่อไปในวันที่ 11 ต.ค.60

สำหรับนางเสาวณี อินต๊ะหล่อ อายุ 53 ปี เคยประกอบอาชีพเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารในจังหวัดลำพูน แต่เนื่องจากมีอาการป่วยทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน โรคเลือด รวมทั้งอาการเกี่ยวกับประสาทตา ทำให้ภายหลังถูกดำเนินคดีนี้ไม่ได้มีอาชีพประจำอีก พร้อมได้กลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงที่ผ่านมา เธอระบุว่าได้ไปช่วยงานเก็บลำไยของชาวบ้านในท้องถิ่น โดยได้ค่าจ้างเป็นรายวัน แต่ยังต้องเดินทางมาโรงพยาบาลเป็นประจำ เนื่องจากต้องรักษาอาการป่วยต่างๆ

เกี่ยวกับคดีนี้ เสาวณีระบุว่าเธอมิได้รู้เห็นถึงอาวุธของกลางตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแต่ได้รับการว่าจ้างให้มาทำกับข้าวเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางกลับจากการชุมนุมที่ถนนอักษะช่วงหลังรัฐประหาร รวมทั้งวันเกิดเหตุ เธอก็ไม่ได้หลบหนี เพราะมีอาการป่วย และคิดว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เริ่มสืบพยานคดี “แม่ครัว ครอบครองอาวุธ” ในศาลทหาร หลังถามคำให้การมาแล้วกว่า 2 ปี

“ลำบากน่ะ ลำบากมาก”: เสียงจากอดีตแม่ครัว จำเลยคดีครอบครองอาวุธในศาลทหาร

 

X