ศาลทหารพิพากษายกฟ้องคดี “แม่ครัวลำพูน” ครอบครองอาวุธ หลังสู้คดี 4 ปี 3 เดือน

24 ส.ค. 61 เวลา 8.30 น. ศาลมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ นัดอ่านคำพิพากษาในคดีของนางเสาวณี อินต๊ะหล่อ อายุ 53 ปี อดีตแม่ครัวร้านอาหารในจังหวัดลำพูน ซึ่งถูกกล่าวหาในข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 โดยร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ และร่วมกันมีใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

ก่อนหน้านี้ศาลทหารนัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 61 แต่เนื่องจากศาลยังจัดทำคำพิพากษาไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนมาอ่านคำพิพากษาในวันนี้แทน โดยจำเลยและทนายความของจำเลยเดินทางมาศาล

เหตุในคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ค.57 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นภายในสวนลำไยแห่งหนึ่ง บริเวณตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยเจ้าหน้าที่กล่าวอ้างว่ามีการสืบทราบว่าบริเวณสวนลำไยดังกล่าว มีการฝึกการใช้อาวุธของกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมทางการเมือง และได้พบชายฉกรรจ์ 5 คน ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป ทั้งหมดต่างพากันวิ่งหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะสามารถควบคุมตัวนางเสาวณีเอาไว้ได้ รวมทั้งมีการตรวจค้นบริเวณสวน พบอาวุธปืนยาวแบบไทยประดิษฐ์ เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง เสื้อเกราะกันกระสุน วิทยุสื่อสาร และสัญลักษณ์เสื้อหรือป้ายเกี่ยวกับคนเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่ง จึงมีการดำเนินคดีกับเสาวณี ที่เจ้าหน้าที่พบตัวในสวนลำไยดังกล่าว

คดีนี้ อัยการทหารมีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาลทหาร เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 โดยจำเลยไม่ได้รับการประกันตัวภายหลังสั่งฟ้อง จนกระทั่งการยื่นประกันตัวครั้งที่ 5 ศาลทหารจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท ทำให้เธอถูกคุมขังในเรือนจำเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้น เสาวณีมีนัดต้องไปศาลทหารทุกๆ 2-3 เดือนต่อครั้ง มาเป็นเวลา 3 ปีเศษ โดยคดีนี้มีการสืบพยานโจทก์ไปทั้งสิ้น 7 ปาก และพยานจำเลย 3 ปาก ก่อนศาลจะนัดฟังคำพิพากษา

อ่านเพิ่มเติม ประมวลการสืบพยานและการต่อสู้คดีของจำเลย

 

ภาพขณะเจ้าหน้าที่รัฐเข้าตรวจค้นสวนลำไยเมื่อวันที่ 26 พ.ค.57 (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)

 

เวลาประมาณ 10.45 น. ศาลทหารได้ขึ้นบัลลังก์ และอ่านคำพิพากษาในคดีโดยสรุป โดยพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย โดยศาลพิเคราะห์ว่าพยานฝ่ายโจทก์ คือ ร.อ.ณัฐ วาณิชบำรุง หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อยในจังหวัดลำพูน และส.อ.อาทิตย์ บัวศรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุม เบิกความเรื่องการตรวจพบอาวุธของกลาง แต่กลับตอบทนายจำเลยขัดกัน โดยร.อ.ณัฐเบิกความว่ามีการพบเสื้อเกราะภายในรถยนต์ที่จอดในบริเวณสวนลำไย ส่วนส.อ.อาทิตย์เบิกความว่าพบที่เพิงจอดรถใกล้บ้านพักในสวน ขณะที่เอกสารบันทึกการตรวจยึดที่พนักงานสอบสวนจัดทำ ระบุว่าพบในเพิงจอดรถ ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีความขัดกัน และมีพิรุธชวนสงสัย ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ารถคันดังกล่าวเป็นของใคร เกี่ยวข้องกับจำเลยอย่างไร

ขณะที่อาวุธปืนยาว 3 กระบอก และกระสุนปืนที่พบบริเวณโต๊ะหน้าบ้านพัก แม้พยานหลักฐานโจทก์จะตรงกันถึงการตรวจพบของกลาง และพบตัวจำเลยอยู่ในบ้านพัก แต่ก็มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นเจ้าของของกลางดังกล่าวหรือไม่ โดยจำเลยเองเบิกความว่าตนมีความสัมพันธ์กับนายสมพงษ์ ผู้ดูแลสวนและเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีไป แต่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน และไม่ได้อยู่อาศัยที่สวนดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เข้ามาช่วยงานบางวันหลังเลิกงานที่ร้านอาหาร  ประกอบกับนายไพรัชที่เป็นพยานโจทก์ ซึ่งเบิกความว่ารู้จักกับนายสมพงษ์มา 2-3 เดือนก่อนเกิดเหตุ ก็เบิกความว่าไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน และเจ้าของที่ดินที่เกิดเหตุซึ่งเป็นพยานโจทก์ก็เบิกความว่าไม่เคยพบจำเลยที่สวน และไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน

ทั้งพยานจำเลยสองราย ได้แก่ กำนันในหมู่บ้านที่จำเลยอาศัยอยู่ และเพื่อนบ้านของจำเลยที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ก็เบิกความตรงกันว่าจำเลยเคยมีบุตร 3 คน กับสามีเดิมมาก่อน โดยไม่เคยเห็นจำเลยมีสามีใหม่ และจำเลยเคยไปมาหาสู่กับนายสมพงษ์เป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน คดีจึงยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์จริงหรือไม่ ศาลจึงพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย ส่วนของกลางทั้งอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ถือเป็นทรัพย์สินที่เป็นความผิด จึงให้ริบของกลาง

 

 

หลังการอ่านคำพิพากษา นางเสาวณีเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าก่อนพิพากษาในวันนี้ ก็นอนไม่หลับมาหลายคืน มีความเครียด กลัวว่าถ้าตนต้องติดคุกอีก ใครจะดูแลลูกชายคนเล็ก ซึ่งขณะนี้บวชเรียนเป็นสามเณรอยู่แถวบ้านในอำเภอสันป่าตอง และไม่ได้มีใครดูแล โดยลูกชายตนก็ทราบว่าวันนี้ได้มาฟังคำพิพากษา แต่ก็บอกว่าจะรอแม่กลับมาที่วัด พอศาลยกฟ้องก็รู้สึกโล่งใจ เนื่องจากใช้เวลาดำเนินคดีกว่า 4 ปี 3 เดือน แล้ว และตนก็ประสบปัญหาสุขภาพ ทั้งโรคเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ และอาการประสาทตาเสื่อม ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลตลอดเวลาในหลายปีที่ผ่านมา อาการป่วยก็ทำให้ประกอบอาชีพอะไรลำบาก ไม่สามารถทำงานประจำได้ ไม่สามารถทำครัวได้อีก และยังต้องเดินทางมาศาลทหารขณะถูกดำเนินคดี

ทั้งนี้ คำพิพากษาคดีนี้ถือเป็นที่สุดในศาลเดียว เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นในช่วงของการประกาศใช้กฎอัยการศึก คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่สามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่ที่นางเสาวณีถูกจับกุม ถูกสั่งฟ้องศาลทหาร จนถึงวันพิพากษา รวมระยะเวลาต่อสู้คดีทั้งสิ้น 4 ปี 3 เดือน

 

 

X