2 จำเลยคดีแชร์เพจ “กูต้องได้ 100 ล้านฯ” ยืนยันปฏิเสธข้อหา ศาลสั่งแยกฟ้องเป็นครั้งที่สาม

วันที่ 12 พ.ย. 61 ที่ศาลอาญาถนนรัชดา เป็นนัดรายงานตัวตามสัญญาประกันของจำเลย 4 คน ในคดีแชร์ข้อความจากเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ ๆ” ข้อหาตามมาตรา 14 (5) ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ซึ่งจำเลยทั้ง 4 ราย ได้รับการประกันตัวไปเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา (อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมใน:อีก 5 คน แชร์เพจ “กูต้องได้ 100 ล้านฯ” ได้ประกันตัว โดย 3 คน ต้องติด “EM” ติดตามตัว)

สำหรับวันนี้ จำเลย 4 ราย ได้แก่ นายเปรวินท์ (สงวนนามสกุล) นางสาวคนึงนิตย์ (สงวนนามสกุล) นายวันชัย (สงวนนามสกุล) และนางนุชนารถ (สงวนนามสกุล) เดินทางมารายงานตัวที่ศาลตามสัญญาประกันตัว จนเมื่อเวลา 10.00 น. จำเลยจึงเข้าไปที่ห้องเวรชี้ ของศาลอาญา เพื่อฟังศาลอ่านคำฟ้อง และถามคำให้การ กรณีกดแชร์โพสต์วิจารณ์ความแพร่หลายของยาเสพติดในยุครัฐบาลคสช. โดยมีเนื้อหาการโพสต์ว่า

“ยาเสพติดระบาดหนักในหลายชุมชน จนท.ทหารหลายพื้นที่ ทำงานเป็นคนดูแลความสงบให้แก่พวกขายยา (กล่าวลอยๆ) โดยทำงานร่วมกับตำรวจท้องที่ ลองดูสิ เยอะจริงๆ ยกตัวอย่างแถวบ่อนไก่ก็ตำรวจ-ทหารเป็นหูเป็นตาให้ผู้ค้าเองด้วย ป.ป.ส.มาสืบเองก็คงมีข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่ทำอะไร ประชาชนในชุมชนอยู่กันอย่างหวาดระแวง ลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นประจำ นี่หรือคือยุคที่ คสช.อ้างว่าสงบสุข แต่ยาเสพติดกลับทะลักเข้ามาทำลายอนาคตของประเทศ

ทหารนอกแถวมีมากมาย แต่ควบคุมให้มีวินัยไม่ได้
เพราะ คสช.เองก็มีอำนาจด้วยวิธีการที่ผิดๆ และขาดวินัย

น่าสงสัยต่ออีก ใครปล่อยให้ยาเสพติดทะลักเข้ามา 
ประโยชน์ไปตกที่ใคร เงินไปไหน อืม”

ในเอกสารคำฟ้องของอัยการฝ่ายโจทก์ระบุว่าข้อความข้างต้น

“ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างหนักในหลายชุมชนในปัจจุบัน เกิดขึ้นจากการที่มีเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบในพื้นที่ต่าง ๆ ร่วมกับตำรวจในท้องที่ ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับผู้ค้ายาเสพติดเสียเอง จึงทำให้ยาเสพติดกลับทะลักเข้ามาทำลายอนาคตของประเทศ

หตุเพราะ คสช. เองก็มีอำนาจและวิธีการที่ผิด ๆ และขาดวินัย ซึ่งเป็นความเท็จเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารมีหน้าที่รักษาความสงบในเขตพื้นที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตท้องที่เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปรามการกระทำผิดและดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจะร่วมมือกันเป็นหูเป็นตาให้กับผู้ค้ายาเสพติดเสียเอง”

นางคนึงนิตย์และนายเปรวินท์ พร้อมทนายความ

2 รายวางเงินประกันหนึ่งแสน อีก 1 ขอถอด “EM”

ในการถามคำให้การ มีจำเลยให้การรับสารภาพ 2 ราย (เพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้ มีจำเลยให้การรับสารภาพไปก่อน 5 ราย โดยศาลได้สั่งให้พบพนักงานคุมประพฤติ) คือนายวันชัย และนางนุชนารถ โดยทั้งสองยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท

ขณะเดียวกัน มีจำเลยให้การปฏิเสธ 2 ราย คือนายเปรวินท์กับนางสาวคนึงนิตย์ ศาลได้ตีหลักทรัพย์ประกันเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท เช่นกัน ก่อนที่จำเลยคือนางสาวคนึงนิตย์ ได้ขอเปลี่ยนหลักทรัพย์ประกันตัว จากที่เคยได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ด้วยการวางหลักทรัพย์จำนวนเงิน 20,000 บาท และติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวหรือ “EM” มาเป็นวางเงินหลักทรัพย์เพิ่มอีก 80,000 บาท และขอถอดอุปกรณ์ติดตามตัวออก

ในส่วนของเปรวินท์ ได้วางหลักทรัพย์จำนวนเงิน 20,000 บาท และติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวหรือ “EM” โดยพบว่าตั้งแต่ถูกดำเนินคดี เปรวินท์ต้องออกจากงานประจำโดยมีเพียงแฟนสาวที่ยังทำงานที่โรงงานน้ำดื่มเพียงคนเดียว และทุกครั้งจะต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จากจังหวัดอ่างทองมาที่ศาลรัชดา ถนนรัชดา

แยกฟ้องคดีใหม่ 2 ราย ที่ยังต่อสู้คดี

ก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำสั่งให้แยกฟ้องคดีเข้ามาใหม่ เนื่องจากจำเลยทั้ง 4 รายได้ให้การปฏิเสธ หลังจากอัยการส่งฟ้องไปทั้งหมด 9 คน เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา (อ่านเรื่องนี้ใน: ฟ้อง 9 คน แชร์เพจ “กูต้องได้ 100 ล้านฯ” ศาลไม่ให้ประกันตัว 5 ราย)

แต่จากคำให้การใหม่ในวันนี้ ศาลได้มีคำสั่งให้อัยการโจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ยืนยันให้การปฏิเสธ 2 คน กลับมาอีกครั้งภายใน 7 วัน คือนายเปรวินทร์ และนางสาวคนึงนิตย์ ระหว่างนี้ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราว

สำหรับคดี “แชร์เพจกูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ ๆ” เป็นคดีที่เกี่ยวกับการใช้เสรีภาพในการแสดงออก นางสาวคนึงนิตย์ 1 ในจำเลย เปิดเผยกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนไว้ว่า เธอได้รับหมายเรียกตำรวจท่องเที่ยวที่มาพบเธอที่บ้าน ในขณะนั้น ตำรวจแจ้งว่าเธอถูกเรียกในฐานะพยานเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ต้องหา เพราะถ้าไป ปอท. จะกันเป็นพยาน พร้อมกับนำภาพข้อความในเพจของกูต้องได้ 100 ล้านฯ ให้เธอดู ซึ่งโพสต์ดังกล่าวถูกโพสต์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 61 และระบุว่าเพจดังกล่าวนี้มีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นแอดมินเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ ๆ” เธอเพียงแต่แชร์ข้อความไปเท่านั้น

ช่วงเวลาดังกล่าว (เมษายน-มิถุนายน 2561) นอกจากมีการออกหมายเรียกประชาชนจากการแชร์ข้อความในเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ ๆ” แล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้มีการจับกุมและควบคุมตัวประชาชนจากการแชร์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลคสช. อีกหลายกรณี หนึ่งในนั้นคือการแชร์ข้อความจากเพจ “KhonThaiUk” (อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมใน: กวาดจับคนแชร์โพสต์ ‘KonthaiUK’ วิจารณ์คสช.: เมื่อ ‘ผู้เห็นต่าง’ ถูกประทับว่าบั่นทอนความมั่นคง)

 

X