ตำรวจคุมตัว 2 จำเลยคดีเสื้อสหพันธรัฐไท จากร้านแมคฯ อ้างแค่นำตัวมาซักถามเรื่องนัดชุมนุมวันนี้

วันนี้(5 ธ.ค.2561) เมื่อ13.50น. เทอดศักดิ์(สงวนนามสกุล) และ ประพันธ์ (สงวนนามสกุล) จำเลยในคดีเสื้อสหพันธรัฐไท ถูกตำรวจคุมตัวจากด้านหน้าร้านแมคโดนัลด์สาขาเดอะ มอลล์ บางกะปิ ไปที่สน.ลาดพร้าว ตำรวจอ้างเหตุว่าพบการนัดชุมนุมที่บริเวณห้างในวันนี้ จึงคุมตัวไปซักถามก่อนปล่อยตัวเมื่อ 19.00 น.

ทนายความและผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ติดตามไปพบทั้ง 2 คนที่สน.ลาดพร้าว แต่เมื่อไปถึงเบื้องต้นตำรวจไม่ยินยอมให้เข้าพบโดยอ้างว่าเป็นเพียงการเชิญตัวมาซักถามไม่ใช่การควบคุมตัว และทั้ง 2 คนยังไม่เป็นผู้ต้องหา โดยในการซักถามนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารมาเข้าร่วมการซักถามอยู่ด้วย

ภายหลังจากทนายความยืนยันว่าจะเข้าพบ ทางตำรวจจึงยินยอมและแจ้งว่าที่นำตัวทั้ง 2 คนมาเพราะต้องการทราบเกี่ยวกับกิจกรรมที่นัดรวมตัวกันของเพจสหพันธรัฐไทที่ห้างดังกล่าว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีการนัดหมายกันทางเว็บเพจ และได้ประสานกับตำรวจติดตามไปที่ห้างจึงพบทั้งสองคน เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวมาที่โรงพัก แต่ทั้ง 2 คนยังไม่ได้กระทำความผิดกฎหมาย แม้มีความหมิ่นเหม่ และไม่ต้องการให้กลายเป็นเครื่องมือของมือที่สาม โดยในการปฏิบัติงานครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ

ตำรวจยังกล่าวอีกว่าหากต้องการชุมนุมต้องขออนุญาตชุมนุมก่อน เพราะถ้าเริ่มเป็นกิจกรรมชุมนุมก็จะผิดพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 และตำรวจมีการสอบถามเกี่ยวกับคดีเสื้อสหพันธรัฐไทของทั้ง 2 คนด้วย และยังเตือนถึงเรื่องการทำกิจกรรมในประเด็นสหพันธรัฐไทด้วยว่าการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง ภายหลังซักถามเบื้องต้นพวกเขายังถูกเจ้าหน้าที่ซักถามเพื่อทำบันทึกถ้อยคำอีกครั้งก่อนทำบันทึกประจำวัน ทั้งนี้เฉพาะประพันธ์ยืนยันว่าจะไม่ให้การในรายละเอียดใดๆ และไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกถ้อยคำด้วย หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้วตำรวจึงได้ปล่อยตัวทั้ง 2 คนในเวลา 19.00 น.

ประพันธ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนจำได้ว่าเจ้าหน้าที่ที่ร่วมจับกุมครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารที่เคยควบคุมตัวตนเองและทำการซักถามในมณฑลทหารบกที่ 11 เมื่อตอนคดีเสื้อสหพันธรัฐไทร่วมอยู่

นอกจากเจ้าหน้าที่จะซักถามข้อมูลของทั้ง 2 คน แล้วยังได้สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของทนายความและผู้สังเกตการณ์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเอาไว้ด้วย